วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

น้ำพริกปลาทู

น้ำพริกปลาทู


น้ำพริกปลาทู เป็นเมนูอาหารที่มีการตำน้ำพริก และใส่ปลาทูนึ่งเข้าไปตำร่วมด้วย ปรุงรสให้ออกเผ็ด เปรี้ยว เค็ม รับประทานกับผักสด ผักต้ม นานาชนิดการปรุงน้ำพริกให้อร่อยควรใช้ครก  ครกเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการปรุงอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ไทย การตำอาหารด้วยครกจะทำให้อาหารอร่อย เพราะการตำจะทำให้รสชาติและสารต่างๆ ในพืชผักที่ถูกตำออกมา ทำให้ได้รสชาติดีกว่าการใช้เครื่องปั่น
คุณค่าอาหารทางโภชนาการ
        น้ำพริกปลาทู เป็นการเอาเนื้อปลาทูลงไปตามผสมในตัวเครื่องจิ้มหรือน้ำพริกโดยตรง ทำให้เราไม่ต้องมีปลาทูเป็นเครื่องเคียง เพราะฉะนั้นน้ำพริกปลาทูจานนี้ ก็จะรับประทานร่วมกับผักชนิดต่างๆ เป็นหลัก ตัวน้ำพริกก็จะอุดมไปด้วยโปรตีน แล้วปลาทู เป็นแหล่งที่ดีของโปรตีน มีโอเมก้า 3 และไอโอดีน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการบำรุงสมอง โปรตีนในปลาเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย เมื่อรับประทานร่วมกับผักหลายชนิด ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผักสดหรือผักต้มเท่านั้นเอง ซึ่งผักสดก็จะประกอบไปด้วย มะเขือ อาจจะมีมะเขือหลากหลายชนิด เช่น มะเขือเปราะ มะเขือม่วง หรือมะเขือต่างๆ ที่มีในท้องถิ่น นอกจากนั้นก็ยังมี ผักบุ้ง ซึ่งผักบุ้ง เวลาเรากินกับน้ำพริกมักจะนิยมเอาไปลวกให้นิ่ม รสชาติก็จะหวาน เวลารับประทานกับน้ำพริก ก็ค่อนข้างจะรับประทานได้ง่าย เพราะฉะนั้นอาหารจานนี้จึงเป็นอีกจานหนึ่งที่มีประโยชน์ มีสารอาหารครบ 5 หมู่เมื่อรับประทานร่วมกับข้าว ข้อควรระวังคือ อย่าทำให้รสจัดมากเกินไป เช่น เค็มจัด เปรี้ยวจัดหรือเผ็ดจัดเกินไป เพราะว่าไม่เป็นผลดีต่อระบบลำไส้หรือกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ รสเค็มจัดก็จะมีผลต่อการเพิ่มความดันโลหิต ดังนั้นคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ก็ควรที่จะระวังในเรื่องนี้ด้วย

ส่วนผสมน้ำพริกปลาทู
- พริกชี้ฟ้าเขียว  15 เม็ด
- พริกชี้ฟ้าแดง  20   เม็ด
- กระเทียม  70  กรัม
- หัวหอม  100  กรัม
- ปลาทูนึ่งย่าง  7   ตัว
- น้ำต้มสุก   ¾   ถ้วยตวง
- เกลือ    1      ช้อนชา
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา   1    ช้อนโต๊ะ
 วิธีทำน้ำพริกปลาทู
1.เผาพริกสด กระเทียม หัวหอม ให้สุกแกะเปลือกกระเทียม หัวหอม
2.ย่างปลาทูนึ่งให้สุกและแกะเอาแต่เนื้อปลา
3.นำพริกที่เผา เกลือ  กระเทียม หัวหอมโขลกรวมกัน ใส่เนื้อปลาทูลงโขลกอีกครั้ง ใส่น้ำต้มสุกแล้วคนพอเข้ากัน ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำมะนาว รับประทานคู่กับผักสด ผักลวก
ผักที่ใช้รับประทาน
ผักสด :  ถั่วพู แตงกวา มะเขือเสวย
ผักต้ม :  ดอกแคต้ม ผักบุ้งต้นขาว ข้าวโพดอ่อน
อ้างอิง
http://www.inmu.mahidol.ac.th
            ภาพ
PhotoScape





            

ซุปหน่อไม้

ซุปหน่อไม้


เครื่องปรุง
หน่อไม้เผา ต้มให้สุก ½ ถ้วยตวง
น้ำใบย่านาง 1 ถ้วยตวง
พริกป่น 2 ช้อนชา
ข้าวคั่ว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่ว โขลกพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
ผักชีฝรั่งหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
ใบสะระแหน่ 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ในขั้นตอนแรกควรเตรียมหน่อไม้ให้พร้อมปรุงเสียก่อน
ถ้าเป็นหน่อไม้สดจะเอามาทำซุปหน่อไม้ ต้องนำไปเผาไฟให้สุก จากนั้นให้เอากาบออกให้เหลือแต่เนื้อหน่อไม้ แล้วเอาไปล้างให้สะอาด จากนั้นเอาไปต้มให้สุก (หน่อไม้จะเหลือง) เมื่อต้มหน่อไม้สุกแล้ว นำมาเลาะเปลือกออก แล้วนำเนื้อไปทำการขูดเป็นเส้น (คือเอาช้อนส้อมหรือเหล็กแหลมอันใหม่มาขูดจากโคนของเนื้อหน่อไม้ไปทางยอดจะได้หน่อไม้เป็นเส้นๆตามยาว) จากนั้นต้องพยายามบีบนวดขยำเนื้อหน่อไม้หรือการคั้นน้ำจากหน่อไม้ให้น้ำหมดไปจากเนื้อหน่อไม้ด้วย (เพื่อให้น้ำขมในเนื้อหน่อไม้หมดไป) แล้วควรนำไปล้างทำความสะอาดอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง คือหน่อไม้ที่เตรียมเสร็จแล้วนั้นควรมีรสจืด
แต่ถ้าเป็นหน่อไม้รวก หน่อไม้ดองขูดเป็นเส้นเล็กฝอย หรือหน่อไม้แบบกระป๋อง (ที่หาซื้อได้จากตลาด แบบนี้ก็จะสะดวกดี) เตรียมโดยให้นำหน่อไม้ไปต้มกับน้ำเปล่าจนสุก ให้หายขม หายเฝื่อน...ก็นำมาปรุงซุปฯได้แล้ว
2. ให้คั้นน้ำใบย่านาง (หรือจะซื้อที่ตลาดเลยก็ได้ก็ให้ไปทำที่ข้อ3 ได้เลย)
วิธีทำน้ำใบย่านาง คือให้นำส่วนใบย่านาง 3-4 ใบนำไปล้างทำความสะอาด แล้วนำไปใส่ครกโขลกให้ละเอียดหรือด้วยเครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็ได้ แล้วเติมน้ำ 1 ถ้วยตวงลงไป เราก็จะได้น้ำใบย่านาง 1 ถ้วยตวงออกมาแล้ว
3. ต้มหน่อไม้กับน้ำใบหญ้านาง ดังนี้คือ ใส่หน่อไม้ลงในหม้อ ตามด้วยน้ำใบย่านางและเกลือเล็กน้อย แล้วพยายามกดหน่อไม้ให้จมลงในน้ำใบย่านางทั้งหมด จากนั้นเปิดไฟต้มจนหน่อไม้สุก ลักษณะคือจะมีน้ำขลุกขลิกเหลืออยู่ในหน่อไม้ต้มน้ำใบย่านาง
4. เมื่อเราต้มจนหน่อไม้สุกแล้ว ให้ปิดไฟ แล้วพักให้ส่วนของหน่อไม้นั้นเย็นซะก่อน ก่อนที่เราจะนำมาทำซุปหน่อไม้
5. นำหน่อไม้ที่เตรียมไว้และน้ำใบย่าเพียงเล็กน้อยใส่ลงในครก แล้วตำเบาๆคลุกเคล้าพอให้เข้ากัน จากนั้นใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไป ได้แก่ งา ข้าวคั่ว พริกป่น (ปริมาณตามชอบ) น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำปลาร้า แล้วตำเบาๆ (ลักษณะแบบคลุกเคล้าและย้ำเล็กน้อยเพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน)
6. จากนั้นให้ใส่หอมแดงซอยลงไป ตามด้วยต้นหอมซอย แล้วตำเบาๆคลุกเคล้าให้เข้ากัน
7. จากนั้นให้ใส่ผักชีฝรั่งหั่นและใบสะระแหน่ลงไป แล้วเพียงใช้ช้อนหรือทัพพีคลุกเคล้าให้เข้ากันโดยไม่ต้องใช้ลูกครกย้ำแล้ว
8. จากนั้นก็ตักเสิร์ฟใส่จาน ตกแต่งบนอาหารด้วยต้นหอมซอย ผักชีใบยาว และใบสะระแหน่ เพื่อให้ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น
คำแนะนำ
1.ส่วนผักที่ใช้รับประทานกับซุปหน่อไม้นั้นส่วยใหญ่ก็จะเหมือนกันกับลาบและส้มตำ เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น ซึ่งผักที่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเราสามารถนำมารับประทานด้วยได้ทั้งสิ้น เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดหอม ผักกาดขาว หรือใบโหระพา
2.สามารถใช้ได้ทั้งพริกป่นและพริกสด สำหรับพริกป่นจะหอมกว่า พริกสดจะจัดจ้านกว่า หรือจะเอาพริกสดไปคั่วไฟก็ได้เหมือนกัน
3. บางสูตรนั้น ในขั้นตอนปรุงรสซุปหน่อไม้นั้น เขาอาจนำหอมแห้งปอกเปลือกและพริกสดไปคั่วไฟในกระทะรวมกันพอหอม แล้วนำไปใส่ครกโขลกตำให้ละเอียดเข้ากันดี จากนั้นจึงใส่หน่อไม้ที่เตรียมไว้ลงไป แล้วก็ตามด้วยเครื่องปรุงต่างๆทั้งหมดลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันแบบนี้ก็ได้ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่สูตรแล้วแต่ถนัดความชอบครับ ก็จะได้รสชาติหอมอร่อยอีกแบบ แต่ก็ไม่ต่างกันมากครับ
อ้างอิง
            ภาพ
PhotoScape



ต้มยำกุ้งน้ำข้น

ต้มยำกุ้งน้ำข้น


ต้มยำกุ้งถือได้ว่าเป็นอาหารหารประจำชาติไทย  เมนูนี้เป็นเมนูที่ทั้งคนไทย และคนต่างชาติชอบรับประทานบ่อยๆ นี่เป็นสูตรและวิธีทำง่ายๆ นะคะ วัตถุดิบก็หาไม่ยาก สามารถทำรับประทานได้เองที่บ้านอย่างสะดวกและง่ายดายค่ะ
เครื่องปรุงสำหรับต้มยำกุ้ง
กุ้งกุลาดำตัวใหญ่ หรือกุ้งแม่น้ำ
เห็ดฟางผ่าครึ่ง (อาจจะใช้เห็นนางฟ้าก็ได้ในกรณีที่ไม่มีเห็ดฟาง)
พริกขี้หนูทุบพอแตก
ตะไคร้หั่นท่อนประมาณสองนิ้วแล้วน้ำมาทุบให้พอแตก
ใบมะกรูดฉีกเอาแกนใบออก
ผักชี (เราใช้ใบในการโรยหน้าเมื่อทำเสร็จ)
ข่านำมาหั่นเป็นแว่น
น้ำพริกเผา
น้ำมะนาว
กะทิ
น้ำปลา
น้ำซุป (ในกรณีที่ไม่มีอาจจะใช้ซุปก้อนสำเร็จรูปหรือน้ำเปล่าก็พอ)
วิธีทำต้มยำกุ้งน้ำข้น
1.ล้างกุ้งให้สะอาด แกะเปลือกแล้วผ่าหลังเพื่อเอาเส้นดำๆ ออก ในกรณีที่เป็นกุ้งแม่น้ำให้ทำการผ่าหลังโดยไม่ต้องแกะเปลือกจะสวยน่าทานมากๆ
2.หลังจากนั้นให้ต้มน้ำซุปจนเดือดแล้วใส่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พอเดือดอีกครั้งก็ใส่กุ้งลงไปได้ เคล็ดลับสำหรับการต้มกุ้งไม่ควรต้มนานพอดูว่ากุ้งเปลี่ยนสีก็สามารถเบาไฟได้แล้ว จะทำให้น้ำต้มยำหวานและกุ้งไม่เหนียว
3.หลังจากนั้นให้ทำการปรุงรสอย่างรวดเร็วโดยการใส่ น้ำปลา น้ำพริกเผา น้ำมะนาว กะทิ เห็นฟาง พริกขี้หนู แล้วรอให้เดือดอีกเล็กน้อยจึงปิดไฟ ตักใส่ชาม โดยหน้าด้วยผักชี เพียงเท่านี้ก็อร่อยอย่าแล้วค่ะ
            อ้างอิง
            ภาพ

PhotoScape

วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

ปลากระพงนึ่งมะนาว

ปลากระพงนึ่งมะนาว

สูตรอาหารไทย ปลากระพงนึ่งมะนาว แรกเริ่มเดิมที่นั้นเป็นอาหารพื้นบ้านภาคกลาง ปัจจุบันกลายเป็นเมนูอาหารไทยยอดฮิตที่แทบทุกร้านอาหารต้องมี อีกหนึ่งเมนูที่มักจะสั่งทานเสมอเวลาไปทานข้าวนอกบ้าน สูตรอาหารปลากระพงนึ่งมะนาวเป็นการนำปลาสดๆมานึ่งจนสุกหอม แล้วราดด้วยน้ำปรุงรสจัดจ้าน เปรี้ยว แซ่บถึงใจ อีกหนึ่งเมนูเด็ดรสชาติเข้มข้นจัดจ้านครบรสตามแบบฉบับอาหารไทย รับประทานร้อนๆได้ความหอมจากเนื้อปลา อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และปราศจากไขมัน เป็นเมนูอาหารไทยที่อยากให้ทุกท่านมาลองชิมมากๆครับ วันนี้จึงได้นำสูตรปลากระพงนึ่งมะนาวมาฝาก และวิธีทำก็ทำไม่ยากสูตรก็ตามนี้เลยค่ะ
ส่วนผสม
1. ปลากระพงขาวหนัก 7 ขีด
2. กระเทียมสับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
3. พริกขี้หนูสับหยาบ 10-30 เม็ด
(ถ้าใช้พริกขี้หนูสวนจะหอมและเผ็ดมากกว่า ปริมาณแล้วแต่ชอบ ถ้าใส่ 10 เม็ดสำหรับเผ็ดน้อย ... 30 เผ็ดมาก)
4. รากผักชีสับหยาบๆ 3 ราก
5. ต้นหอมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมะนาว 3 - 4 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. นำปลากระพงมาขอดเกล็ด ควักเอาพุงปลาออก ล้างให้สะอาด แล้วบั้งขวางเนื้อปลาข้างละ 3 บั้งให้ถึงกระดูก แล้วสะเด็ดน้ำให้แห้ง
2. ก่อนนำปลาไปนึ่งให้ใช้น้ำส้มสายชูและเกลืออย่างละ 1 ช้อนชา ผสมกัน แล้วนำไปทาตัวปลาให้ทั่ว วางใส่จาน พักไว้
3. นำน้ำสะอาดใส่ในซึ้ง ต้มให้น้ำเดือด จากนั้นให้นำปลากระพง (จากข้อ 2) ลงนึ่งในซึ้งเลยครับ แล้วปิดฝาหม้อ นึ่งไฟแรงประมาณ 10-15 นาที จนกระทั่งปลาสุก จากนั้นให้ยกปลาออกมา เทน้ำในจานปลาออกโดยใส่ถ้วยไว้ต่างหากอย่าทิ้ง
4. ระหว่างรอปลาสุก ให้ทำน้ำปรุงรสใส่ชามเตรียมไว้ โดยผสมกระเทียมสับ ต้นหอมสับ พริกขี้หนูสับ รากผักชีสับ น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน แล้วก็เติมน้ำจากตัวปลาลงไปผสมด้วย ชิมและเติมรสให้ถูกใจ
5. นำปลาที่นึ่งสุกแล้ว ราดด้วยน้ำปรุงรสที่เตรียมไว้ เสิร์ฟร้อนๆ ประดับด้วยมะนาวฝานเป็นแว่นๆ โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ และผักชีไทยสับตามชอบครับ
แนะนำเคล็ดลับการนึ่งปลา
อาจเพิ่มผักลงไปในเมนูปลากะพงนึ่งมะนาว โดยวางผักต่างๆรองตัวปลาแล้วนำไปนึ่ง
ปลานึ่งมะนาว ไม่ว่าจะใช้ปลาอะไรทำนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องนึ่งปลาให้สุกเสียก่อน การที่จะนึ่งปลาไม่ให้คาวและเนื้อเละ ที่เป็นเหตุทำให้ทานปลาไม่อร่อย มีวิธีแก้ปัญหาดังนี้คือ ก่อนจะนำปลาไปนึ่งให้ใช้น้ำส้มสายชู และเกลืออย่างละ 1 ช้อนชา ผสมกัน ทาตัวปลาให้ทั่ว นำตะแกรงไปวางรองลังถึง จากนั้นให้นำปลาลงไปนึ่งในน้ำเดือดไฟแรงจนปลาสุก ก็จะไม่มีกลิ่นคาวและเนื้อปลาก็จะไม่เละ
            อ้างอิง
            ภาพ

PhotoScape

ผัดไทย

ผัดไทย

ผัดไทยเป็นเมนูอาหารที่ขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของเมืองไทย สำหรับใครที่อยากจะลองทำทานเอง ก็สามารถทำเองได้เลย  ส่วนผสมและวิธีทำอย่างละเอียดข้างล่างเลยค่ะ
ส่วนผสมผัดไทย
   

เส้นผัดไทย    1 กิโลกรัม
กุ้งแห้ง           1 ถ้วยตวง
เต้าหู้เหลืองแข็งหั่นชิ้นเล็กๆ         1 แผ่น
หัวไชโป๊วสับ            1 ถ้วยตวง
พริกป่น          50 กรัม
ถั่วลิสงคั่วบุบหยาบๆ          1ถ้วยตวง
ไข่ไก่  4 ฟอง
ถั่วงอก           1/2 กิโลกรัม
กุยช่ายหั่นเป็นท่อน  2 ถ้วยตวง
กระเทียมสับละเอียด           50 กรัม
น้ำมะขามเปียก         1/2 ถ้วย
น้ำปลา           1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย  1/2 ถ้วย
น้ำมันพืช       1/2 ถ้วย
น้ำเปล่า          1 ถ้วย
เครื่องปรุง - ผักเคียง
พริกป่น น้ำตาลทราย น้ำปลา มะนาวฝาน หัวปลี กุยช่ายตัดสั้นเป็นต้น ถั่วงอกดิบ ใบบัวบก
วิธีทำอาหาร ผัดไทย
1. กระทะใส่น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟกลาง พอน้ำมันร้อน
ใส่กระเทียมสับลงเจียวพอหอม ใส่กุ้งสดลงผัดพอสุกตักขึ้น ใส่เต้าหู้ลงทอด หัวไชโป๊วสับ ถั่วลิสงบุบ กุ้งแห้ง ใส่เส้นผัดไทย
และน้ำเปล่าเล็กน้อยลงผัดพอเส้นนุ่ม
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย น้ำมะขามเปียก พริกป่น ผัดพอเข้ากัน ตักขึ้นพักไว้
3. ตอกไข่ลงขยี้พอให้สุก นำเส้นที่ผัดไว้เรียบร้อยลงโปะ ผัดให้เข้ากัน
4. เติมถั่วงอก ใบกุยช่าย ผัดให้เข้ากัน ใส่กุ้งที่ผัดสุกไว้แล้วลง
            อ้างอิง
                ภาพ

PhotoScape

เมี่ยงคำ

เมี่ยงคำ

อาหารว่างของไทยที่ได้รับความนิยมมายาวนาน ใบชะพลูหรือใบทองหลางใส่เครื่องเมี่ยง ราดด้วยน้ำปรุงเมี่ยง ห่อรับประทานเป็นคำๆ สำหรับท่านไหนที่เวลาไปซื้อกินแล้วเครื่องไม่จุใจ ลองเข้าครัวมาทำลองทำเองดูครับ ทำไม่ยากและได้เครื่องถูกใจแน่นอนครับ
สูตรอาหารเมี่ยงคำ
ระยะเวลา 50 นาที
วัตถุดิบเมี่ยงคำ
1. ใบชะพลู หรือใบทองหลาง
เครื่องเมี่ยง      
2. ถั่วลิสง (คั่วร่อนเปลือกออก) 1/4 ถ้วย
3. กุ้งแห้ง (ล้างน้ำผึ่งแห้งหรือคั่วในกระทะ) 1/4 ถ้วย
4. ขิงอ่อน (ปลอกเปลือกหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า) 1/4 ถ้วย
5. มะพร้าว (หั่นฝอยคั่วให้กรอบ) 1/4 ถ้วย
6. หอมแดง (หั่นชิ้นเล็กๆ) 1/4 ถ้วย
7. มะนาว (หั่นชิ้นเล็กๆ ติดเปลือก) 1-2 ช้อนโต๊ะ
8. พริกขี้หนูสวน (ไม่เด็ดก้าน) 1-2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุงน้ำเมี่ยง      
9. ตะไคร้ (หั่นฝอยคั่ว) 1/4 ถ้วย
10. ถั่วลิสง (คั่วร่อนเปลือก ป่น) 1/4 ถ้วย
11. หอมแดง (หั่นและคั่ว) 1/4 ถ้วย
12. ข่า (หั่นฝอยและคั่ว) 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
13. ขิงแก่ (หั่นและคั่ว) 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
14. มะพร้าว (คั่วให้เหลือง ป่น) 1/4 ถ้วย
15. น้ำตาลปีบ 1 ถ้วย
16. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
17. กะปิอย่างดี 1 1/2 ช้อนชา
วิธีทำเมี่ยงคำ
1. เครื่องน้ำเมี่ยง -ข่าหั่นฝอย ใส่ขิงหั่น คั่วจนเปลี่ยนสี ใส่ตะไคร้ คั่วสักพักจึงใส่หอมแดง คั่วจนสุกได้ที่ โขลกให้ละเอียดเข้ากัน ใส่กะปิ ใส่ภาชนะพักไว้ นำหม้อใส่น้ำปลา น้ำตาลปีบ ละลายให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอเหนียว ใส่เครื่องที่โขลกไว้ ชิมรส ใส่มะพร้าวคั่วป่น ถั่วป่นปิดไฟยกมาหล่อในน้ำเย็น (ระวังอย่างเคี่ยวนานทำให้เหนี่ยวเกินไปและจะมีรสหวานขึ้นด้วย)
2. จัดจาน นำชะพลูหรือใบทองหลล้างให้สะอาดเอาแต่ใบ นำเครื่องเมี่ยง (พริกขี้หนู (ไม่เอาก้านออก), ขิงอ่อน, หอมแดง, กุ้งแห้ง, ถั่วลิสง, มะพร้าว, มะนาว) เรียงจัดใส่จาน, ตักน้ำเมี่ยงใส่ถ้วยเสริฟ
            อ้างอิง
            ภาพ

PhotoScape

วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์


ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์
เนื้อไก่ผัดกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดปรุงรสด้วยน้ำมันหอย
           
เครื่องปรุงและส่วนผสม
เนื้อไก่            400     กรัม
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด   100     กรัม
พริกชี้ฟ้า        3          เม็ด
ต้นหอม          5          ต้น
กระเทียม       1          ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว         2          ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย     2          ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น         1          ช้อนชา
หอมใหญ่       1          หัว
น้ำมัน 2          ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำ ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์
1. ล้างเนื้อไก่ หั่นชิ้นบาง ล้างพริกชี้ฟ้า หั่นเฉียง ล้างต้นหอม หั่นท่อนสั้น ปอกเปลือกหอมใหญ่ หั่นแว่นบาง
2. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่กระเทียมเจียวให้หอม ใส่ไก่ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พริกชี้ฟ้า หอมใหญ่ ผัดให้เข้ากัน
3. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย เกลือ ใส่ต้นหอม ผัดให้ทั่ว ตักใส่จาน เสิร์ฟ

อ้างอิง
            https://www.google.co.th
ภาพ
        Photoscape

ต้มข่าไก่



ต้มข่าไก่
เมนูอาหารไทยยอดนิยม อาหารไทยประเภทต้ม รสจัด มีสมุนไพรอย่างข่าเป็นตัวชูโรง อร่อยหอมข่าโล่งจมูกดีแท้


เครื่องปรุงและส่วนผสม

เนื้ออกไก่หั่นชิ้นพอคำ        1          ถ้วย
หัวกะทิ          1          ถ้วย
หางกะทิ        2          ถ้วย
พริกขี้หนูสวนทุบพอแตก  5          เม็ด
ข่าอ่อนปอกเปลือกหั่นแว่น            15        แว่น
ตะไคร้หั่นเฉียง         1/2      ต้น
ใบมะกรูดฉีก            3          ใบ
น้ำตาลทราย  1          ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา           3          ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว      3          ช้อนโต๊ะ
น้ำพริกเผา     1          ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำ ต้มข่าไก่

1. ใส่หัวกะทิ หางกะทิลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง พอเดือดใส่ข่า เคี่ยวไฟอ่อน พอหอมข่าใส่เนื้อไก่ เคี่ยวพอสุก
2. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำมะนาว น้ำปลา ใส่ใบมะกรูด ตะไคร้ น้ำพริกเผา คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย ใส่พริกขี้หนู เสิร์ฟ

อ้างอิง
ภาพ
Photoscape

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แกงเขียวหวานไก่


                
แกงเขียวหวานไก่


แกงเขียวหวานไก่ หนึ่งในบรรดาแกงไทย ที่เผ็ดที่สุด แต่ก็เป็นแกงชาวต่างชาติ โปรดปรานมากที่สุดเหมือนกัน แกงเขียวหวานไก่สูตรนี้ สัดส่วนน้ำพริกแกงปรับเพิ่มลดได้เล็กน้อยตามระดับความเผ็ดที่ชอบ

เครื่องปรุงและส่วนผสม
1. หัวกะทิ               1 ถ้วย      8. พริกชี้ฟ้าสีแดง   1/4 ถ้วยตวง
2. น้ำพริกแกงเขียวหวาน      50 กรัม    9. ใบโหระพา         1/4 ถ้วยตวง
3. เนื้อไก่ 250 กรัม  10. น้ำปลา               2 ช้อนโต๊ะ
4. หางกะทิหรือน้ำสะอาด     1 ถ้วย      11. น้ำตาลปี๊บ         1 ช้อนโต๊ะ
5. มะเขือเปราะ       5 ผล                        
6. มะเขือพวง          1/4 ถ้วยตวง                            
7. ใบมะกรูด           4-5 ใบ
                               
วิธีการทำ

1.  เนื้อไก่ลอกเอาหนังออกหั่นเป็นชิ้นพอคำ (ถ้าอยากได้แกงไก่เนื้อนุ่มแนะนำให้ใช้เนื้อสะโพกไก่), มะเขือเปราะตัดจุก ผ่าเป็นชิ้นขนาดพอคำ ผลนึงแบ่งได้ 2 หรือ 4 ชิ้นขึ้นอยู่กับขนาด แช่ไว้ในน้ำเกลือ ส่วนผสมน้ำ 1 ลิตรต่อเกลือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อกันไม่ให้มะเขือเปราะดำ เวลาใช้เทน้ำเกลือทิ้งไป ล้างเอาแต่มะเขือไปใช้นะคะ, มะเขือพวง เด็ดเป็นเม็ดล้างน้ำให้สะอาด, ใบมะกรูดฉีกเอาแต่ใบไม่เอาก้าน, พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ ถ้าชอบเผ็ดๆ ก็หั่นติดแกนเอาเมล็ดพริกลงไปด้วย ถ้าไม่ชอบเผ็ด ก็หั่นอย่าให้ติดเมล็ดพริกนะคะ, โหระพาเด็ดเอาแต่ใบ ล้างน้ำให้สะอาด
2. ตั้งกระทะบนเตา ใส่หัวกะทิลงเคี่ยวให้แตกมัน (แบ่งหัวกะทิใส่ถ้วยไว้สัก 3-4ช้อนโต๊ะ ไว้ใส่ตอนท้าย) จากนั้นใส่น้ำพริกแกงเขียวหวาน ลงไปผัดไฟกลางๆ จนมีกลิ่นหอม (ระวังไหม้นะคะ ถ้าดูจะแห้งเกินไป ตักหางกะทิใส่ลงไปเลี้ยงไม่ให้แห้งเกินไปค่ะ)
3. ระหว่างที่ผัดน้ำพริกแกงเขียวหวาน กับหัวกะทิอยู่ นำหางกะทิใส่หม้อ ตั้งไฟอ่อนๆ รอไว้ ให้ร้อน (หมั่นคน) ระวังอย่าให้น้ำหางกะทิเดือดนะคะ ร้อนแต่ไม่เดือดค่ะ
4. พอผัดน้ำพริกแกงหอมได้ที่แล้ว (สังเกตุได้จากอาการจาม กระแอม ของคนทำและผู้อยู่ใกล้เคียง) ใส่เนื้อไก่ลงไปเคล้ากับส่วนผสมของกะทิกับน้ำพริกแกงที่ผัดเตรียมไว้ ปรุงรสด้วยน้ำปลา เมื่อไก่เริ่มสุกตักส่วนผสมทั้งหมด ใส่ลงในหม้อหางกะทิ ที่ตั้งไฟรอไว้ คนให้เข้ากัน พอแกงเริ่มเดือด ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ชิมรสและปรุงเพิ่มตามชอบ เน้นให้รสจัดไว้ก่อนนิดนึง เพราะพอใส่ผักลงไปแล้วรสจะอ่อนลง
5.  เร่งไฟให้แกงเดือด ใส่ใบมะกรูด มะเขือพวง มะเขือเปราะ คนแกงให้มะเขือทั้งสองผสมจมลงในน้ำแกง ใส่พริกชี้ฟ้า ใบโหระพา ปิดฝาหม้อให้แกงเดือดอีกครั้ง (ขั้นตอนนี้ต้องเร็วนะคะ เพราะมะเขือเปราะถ้าโดนอากาศ มันจะดำไม่น่าทานค่ะ) จากนั้นปิดไฟที่เตา ใส่หัวกะทิที่แบ่งไว้ในตอนแรก เป็นอันเสร็จพิธี               
อ้างอิง

ภาพ
Photoscape